วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ความฝันที่เลือนราง



ความฝันที่เลือนราง

      ผมกำลังมองตัวเองและกำลังอิจฉาคนที่มีชีวิตต่างจังหวัด          

หากคุณเลือกได้อีกครั้งคุณจะเลือกทางไหน

            
                ผมเคยเป็นคนต่างจังหวัดมาก่อนเข้ามาอยู่กรุงเทพ ครั้งแรกเมื่อ 10 ปีก่อนเนื่องจากเข้ามาศึกษาต่อระดับปริญญาตรีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งหลังจากศึกษาต่อจนจบสิ่งที่คิดไว้ก็เหมือนกับนักศึกษาจบใหม่ตามปกติหางานดีๆ เงินดีๆ ในเมืองกรุงทำเพื่อหาประสบการณ์ เก็บเงินสักก้อนแล้วกลับบ้านไปหางานทำหรือทำธุรกิจเล็ก เป็นของตัวเองที่ต่างจังหวัดเป็นความคิดและความฝันที่เรียบง่ายในแบบฉบับเหมือนใครหลายๆ คน
                แต่วันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตเรายิ่งทำให้ห่างไกลความฝันเดิมขึ้นทุกที เกิดเนื่องจากปัจจัยหลายๆ ด้านที่ยังทำให้เรายังคงต้องอยู่ในเมืองกรุงต่อไป หลังจากที่เริ่มทำงานใหม่ๆ 1 ถึงสองปีแรกก็รู้สึกดีกับรายได้ที่หาได้จากเมืองใหญ่เมืองนี้แม้มันจะเป็นเพียงรายได้ไม่สูงมากนักสำหรับคนปกติ รายได้จากงานประจำ รายได้จากงานเสริมที่ทำเพิ่ม ทำให้เกิดสภาพคล้องตัวมากขึ้นก็เริ่มที่จะสร้างภาระหนี้สินอยากมีบ้านอยากมีรถเหมือนคนปกติสามัญทั่ว โดยไม่ได้รู้เลยว่านี้เรากำลังสร้างบ่วงขนาดใหญ่ มารัดตัวเองให้ยิ่งห่างไกลออกจากความฝันเดิมไปทุกที สิ่งเหล่านี้ผ่านเข้ามาในชีวิต ปีแล้วปีเล่าจนในที่สุดตัวเองก็กลายเป็นทาสของเงินตรา วัตถุ ไปโดยไม่รู้ตัว เมื่อกลับมามองดูตัวเองอีกครั้งว่าวันนี้เรากำลังทำอะไรอยู่ ก็ยังไม่รู้ได้ว่าเราจะหลุดออกจากบ่วงที่เราสร้างขึ้นมัดตัวเราเองได้อีกเมื่อไหร่ เพราะสิ่งแรกที่คิดเป็นเหตุให้ตัดสินใจทำงานหาเงินในกรุงเทพเพียงเพราะเห็นว่าอัตราจ้างและผลตอบแทนที่ได้รับสูงกว่าต่างจังหวัด เราคงจะหาเงินจากการทำงานที่นี้ได้ไม่อยากนักแต่ไม่ได้ เฉลียวใจเลยว่า ความต่างของตัวเงินที่ได้รับก็มาด้วยค่าครองชีพที่สูงขึ้นด้วยอีกทั้งยังมีปัจจัยหลายๆ ด้านเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นภาระทางสังคม ภาระทางวัตถุ ต่างๆที่เกิดขึ้นจากเพื่อตอบสนองความสะดวกสบายของตนเอง บ้างก็เป็นภาระหนี้สินที่ต้องผ่อนจนในที่สุดก็ทำให้รายได้ที่หาได้เริ่มจะไม่เพียงพอต้องรายจ่ายทำให้ต้องหาแหล่งรายได้ใหม่เพื่อให้เพียงพอต่อรายจ่ายที่เกิดขึ้นเมื่อกลับมามองตัวเองอีกครั้งก็รู้ว่าเรากลับไปหางานทำที่บ้านต่างจังหวัดตอนนี้ก็ยากเสียแล้ว เพราะความต่างของรายได้ หากกลับไปจะมีรายได้ตรงไหนเพิ่มเติมเพื่อผ่อนชำระภาระหนี้สินที่ตัวเองสร้างขึ้น ทำให้วันนี้ผมรู้ทันทีว่าความฝันที่ผมวาดภาพไว้ตั้งแต่ต้นกำลังจะเลือนรางลงทุกขณะ เมื่อผมรู้อย่างนี้แล้วเป็นเหตุให้ตัวเองพยายามที่จะลดภาระหนี้สินที่เกิดขึ้นให้ลดลงกลับมาสู่จุดเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เพื่อสร้างภาพความฝันเดิมที่กำลัง เลือนรางให้กลับมามีแสงสว่างขึ้นอีกครั้งเพียงแต่ยังไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลากับการตามความฝันเดิมนี้อีกนานเท่าไหร่แต่ผมคิดเพียงว่าผมจะไม่ยอมปล่อยความฝันเดิมให้ห่างไกลกว่าเดิมอีก บทความนี้อาจจะเป็นสิ่งเตือนใจให้กับใครหลายๆคนจงคิดดูให้ดีหาก จะสิ่งใดก็ตาม เพราะไม่มีใครทำลายความฝันเราได้นอกจากตัวเราเอง
                นี้หรือคือสังคมที่เราต้องการ แล้วความสุข รอยยิ้ม มิตรภาพ ความสงบ ความอบอุ่น ธรรมชาติ การเดินทางที่ไม่มีรถติดกับวันเวลา 1วันที่สามารถทำอะไรได้มากมาย กับเวลาเสียไป  4 – 5 ชั่วโมงกับรถติด มันคุมแล้วหรือกับสิ่งที่เราต้องการมันคุ้มที่จะแลกกับความฝันเราแล้วใช่ไหมคิดดูดีๆ หากความฝันคุณยังไม่เลือนราง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น